วิธีรักษาหลุมสิว ตั้งแต่ทายาถึงเลเซอร์

หลุมสิว คือ แผลเป็นที่เกิดจากสิว ซึ่งแผลเป็น คือแผลที่เกิดขึ้นแล้วไม่หาย

สาเหตุของหลุมสิว

เกิดจากการที่มีสิวอักเสบขนาดใหญ่ พอสิวหาย ผิวหนังบริเวณที่เคยเป็นสิวเกิดการยุบตัว 

ปกติร่างกายจะสร้างผิวใหม่ขึ้นมาทดแทน แต่ในกรณีของหลุมสิวคือร่างกายสร้างขึ้นมาทดแทนน้อยเกินไป จึงทำให้มีรอยหลุมนั่นเองค่ะ

สิวขนาดเล็กก็ทำให้ผิวเป็นหลุมได้นะคะ เช่น เราไปบีบ เค้น หรือกดสิว จนทำให้ผิวหนังบริเวณที่เป็นสิวเกิดการอักเสบและเป็นแผลค่ะ

ลักษณะของหลุมสิว

Rolling Scar รอยหลุมแบบโค้งและตื้น ฐานหลุมนิ่ม เมื่อดึงผิวให้ตึงจะไม่ค่อยเห็นหลุมสิวค่ะ แบบนี้รักษาง่าย

Boxed Scar รอยหลุมขนาดใหญ่ ขอบและฐานหลุมมีขนาดใกล้เคียงกัน มีรูปร่างคล้ายกล่องสี่เหลี่ยม ฐานหลุมแข็งจากการมีพังผืด (fibrosis) ลึกถึงชั้นหนังแท้ ดึงผิวให้ตึงแล้วก็ยังพบรอยหลุมสิวอยู่ รักษายากประมาณนึง

Icepicked Scar รอยหลุมขอบกว้าง ฐานแคบและลึก และขอบอาจมีลักษณะยกนูน แบบนี้รักษายากที่สุด

วิธีรักษาหลุมสิว

ทายา

ทายาเห็นผลน้อยที่สุด เหมาะสำหรับหลุมสิวใหม่ ตื้น ๆ และต้องทาติดต่อกันอย่างน้อย 3-4 เดือน โดยตัวยาจะมีส่วนประกอบของกรดเรติโนอิก หรือ กรดวิตามินเอ ซึ่งอาจทำให้เกิดผื่นแดง ผิวแห้ง และระคายเคืองได้ ถ้ามีอาการระคายเคือง แนะนำให้หยุดใช้ทันทีนะคะ

Fillers

Fillers เป็นการฉีดสารเติมเต็มเข้าไปที่หลุมสิวโดยตรง ใช้ได้กับหลุมสิวที่ไม่มีพังผืดยึดเกาะเท่านั้น ถ้ามีพังผืด fillers จะไปอยู่ที่ผิวปกติรอบหลุมสิวแทน เกิดเป็นรอยตำปุ่มตะป่ำได้ และต้องเติมซ้ำทุก 6-9 เดือน

ตัดพังผืด หรือ Subcision

ซับซิสชั่น (subcision) คือ การตัดพังผืดใต้หลุมสิวด้วยเข็ม ทำให้มีการแยกชั้นของผิวหนังที่พังผืดยึดให้พ้นจากฐานหลุม เกิดเลือดสะสมที่รอยแยก และมีการสร้างคอลลาเจนขึ้นใหม่ ได้ผลดีกับหลุมสิวแบบ rolling และ boxed scar

กรอผิว

กรอผิวด้วยเกล็ดอัญมณี คือ การขัดเซลล์ผิวชั้นบนออก เพื่อกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ โดยใช้ผงอัญมณีขนาดเล็ก วิธีนี้ช่วยให้รอยหลุมตื้น ๆ ดีขึ้นเล็กน้อย

ลอกผิว

ลอกผิวด้วยกรดผลไม้ หรือน้ำยาเคมี คือ การใช้น้ำยาเคมีเข้มข้นมาก ๆ ในชั้นหนังกำพร้า เพื่อให้มีการสร้างเซลล์ผิวใหม่ วิธีนี้ผลที่ได้ไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับชนิดของน้ำยาเคมี และความเชี่ยวชาญของคุณหมอ

เลเซอร์

เลเซอร์สามารถกรอปรับสภาพพื้นผิวของแผลหลุมให้เรียบขึ้น และกระตุ้นการสร้างเส้นใยคอลลาเจนใหม่ เพื่อดันก้นหลุมให้ตื้นขึ้น เป็นวิธีที่ได้ผลที่สุด แบ่งออกเป็น 3 แบบ

  • แบบมีแผล (ablative laser refurfacing) ได้ผลมากที่สุด แต่ไม่นิยมทำกันแล้ว เนื่องจากหลังทำจะมีแผลบวมแดง และ 2-3 วันแรก อาจมีน้ำเหลืองไหลซึม ใช้เวลาในการสมานแผล 1-2 สัปดาห์ แถมยังเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง เช่น รอยคล้ำ รอยด่างขาว หรือผิวติดเชื้อ
  • แบบไม่มีแผล (non-ablative laser refurfacing) ทำงานโดยส่งแสงให้พลังงานความร้อนที่ชั้นหนังแท้ เพื่อกระตุ้นให้ผิวสร้างเส้นใยคอลลาเจนใหม่ ข้อดีคือไม่มีแผล แต่ก็กระตุ้นการสร้างเส้นใยคอลลาเจนได้น้อยกว่าแบบมีแผล
  • มีแผลน้อย (fractional laser refurfacing) ใช้พลังงานแสงที่มีพลังงานสูง เจาะผ่านหนังกำพร้าไปยังหนังแท้ ทำให้เกิดรูเล็ก ๆ ขนาด 0.1-0.2 มิลลิเมตร มองด้วยตาเปล่าแทบไม่เห็นต่อเนื่องเป็นพันจุดบนพื้นที่ผิว 1 ตารางเซนติเมตร เพื่อให้เกิดความร้อนในชั้นหนังแท้ แล้วความร้อนก็จะกระตุ้นให้หนังแท้สร้างเส้นใยคอลลาเจนขึ้นใหม่ ช่วยดันก้นหลุมให้ตื้นขึ้น สามารถควบคุมด้วยระบบ computer มีความแม่นยำสูงระหว่างทำจะรู้สึกเหมือนมีเข็มร้อนเล็ก ๆ หลายอันทิ่มที่ผิว หลังทำเลเซอร์จะบวมแดง 1-2 วัน หลังจากนั้นจะเป็นสะเก็ดจุดเล็ก ๆ ซึ่งจะหลุดออกภายใน 3-4 วัน ต้องทำ 4-5 ครั้ง ทุก 1-2 เดือน หลังทำเลเซอร์ 1-2 เดือนแรก แผลหลุมสิวจะค่อย ๆ ตื้นขึ้นจนสังเกตได้ และผิวจะค่อย ๆ เรียบขึ้นจนถึง เดือนที่ 6 หลังการรักษา

ในแต่ละคนจะมีหลุมสิวหลายลักษณะ มากน้อยแตกต่างกันไป วิธีรักษาก็จะขึ้นอยู่กับสภาพหลุมสิวของเรา ดีที่สุดคือควรปรึกษาคุณหมอผิวหนังผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาหลุมสิว

แผลเป็นหลุมสิวสามารถหายได้ถึง 80-90% ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของหลุมสิว และระยะเวลาที่เราเป็นหลุมสิวด้วยค่ะ

แต่ว่าผิวที่เรียบขึ้นจากการรักษาด้วยเลเซอร์ จะคงสภาพแบบนั้นตลอด ยกเว้นเราจะมีสิวหรือแผลที่ทำให้เกิดหลุมอีก ดังนั้น วิธีที่ง่ายกว่าการรักษา คือการป้องกันไม่ให้เกิดสิวค่ะ

เน้นทำความสะอาด เติมความชุ่มชื้น และทากันแดด ไม่จับผิวบ่อย ไม่เครียด นอนหลับพักผ่อนเพียงพอ

หรือถ้ามีสิว ก็อย่าไปบีบ เค้น หรือกด เค้าเลยนะคะ ถ้ามีสิวนิดหน่อย ไม่ได้อักเสบ สิวสามารถหายเองได้ค่ะ แต่ถ้าเป็นสิวอักเสบ เป็นสิวขนาดใหญ่ เป็นเยอะ หรือเป็นนาน แนะนำให้รีบปรึกษาคุณหมอผิวหนังค่ะ

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ

Save