สวัสดีค่ะทุกคน บทความนี้เมย์จะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับ Dr.Different Vita-A Cream Night Cream ค่ะ เป็นครีมที่เมย์ถูกป้ายยามาหลายครั้งมาก และก็โดนมาจนได้
Dr.Different Vita-A Cream Night Cream
ขนาด 20 กรัม ราคา 1,350 บาท เมย์สั่งซื้อโดยตรงกับทางเพจของแบรนด์ค่ะ
หลังกล่องแบรนด์เคลมไว้ว่าเป็น ครีมบำรุงผิว ประกอบด้วย Retinal เข้มข้น 0.05% พร้อมให้ความชุ่มชื้นด้วย Sodium Hyaluronate
Retinal ดีต่อผิวยังไง ?
คุณ PuPe_so_Sweet เขียนบทความไว้ว่า “สารกลุ่ม Retinoid นี้ทำงานโดยการกระตุ้น Retinoid Receptors ในเซลล์ของเรา เพื่อเสริมกระบวนการ Turnover ของเซลล์ กระตุ้นการสร้างคอลาเจนและอีลาสติน ทำให้เซลล์ผิวทำงานเป็นปกติ ซึ่งมีประโยชน์ในการรักษาสิวและบรรเทาความเสียหายที่เกิดขึ้นจากแสงแดด”
“ในทางกลับกันมันก็ก่อผลข้างเคียงและอาจเป็นอันตรายกับผู้ใช้ได้หากใช้อย่างไม่ถูกวิธี” โดยเฉพาะตัวที่เข้มข้นมาก ๆ หรืออยู่ในกลุ่มของยา
ควรเริ่มจาก % ต่ำ ๆ และใช้อย่างระมัดระวัง เนื่องจากมีผลข้างเคียงหากใช้ผิดวิธี
แพคเกจจิ้งรุ่นที่เมย์ได้จะเป็นหลอดพลาสติกทึบแสง (ตัวใหม่จะเป็นหลอดสุญญากาศ – เมย์เพิ่งสั่งวันที่ 14/2/2021 แล้ววันที่ 20 เค้าออกแพคเกจจิ้งใหม่ T_T) ปลายหลอดสีส้ม เป็นสัญลักษณ์ของสูตรที่มี Retinal 0.05%
เนื้อครีมสีเหลืองอ่อน ไม่มีกลิ่น เกลี่ยง่าย ให้ความชุ่มชื้นคล้ายน้ำมัน แต่บางเบา เมย์ผิวแห้ง ใช้ทาเดี่ยว ๆ ตอนกลางคืนแล้วรอด ผิวไม่แห้งหรือระคายเคือง
ตอนแรกเมย์เข้าใจว่าให้ทาครั้งละเม็ดถั่วเขียว ไม่ทั่วหน้า กลัวไม่ชุ่มชื้น ก็เลยบีบเพิ่ม แล้วมีน้องทักมาว่า ” ใน Paper ผู้ทดลองเค้าทาปริมาณเม็ดถั่วลันเตาค่ะพี่เมย์” โอ้ยยยย ดีใจ เม็ดถั่วลันเตาทั่วหน้าแนะนอน 555555
มาดูที่ส่วนผสมกันบ้าง
Water, Cetylethylhexanoate, Glycerin, Squalane, Carthamus Tinctorius (Safflower) Seed Oil, Butyrospermum Parkii (Shea) Butter, Brassica Campestris (Rapeseed) Sterols, Cholesterol, Phytosteryl/Behenyl/Octyldodecyllauroyl Glutamate, 1,2-Hexanediol, Polyglyceryl-10 Oleate, Sodium Hyaluronate, Hydrogenated Lecithin, Polyglutamic Acid, Ceramide NP, Stearic Acid, Retinal (0.05%), Oleic Acid, Tocopherol, Adenosine, Disodium EDTA.
มีส่วนผสมให้ความชุ่มชื้น ยืดหยุ่น เสริมเกราะป้องกันผิว (Glycerin, Squalane, Butyrospermum Parkii (Shea) Butter, Cholesterol, Phytosteryl/Behenyl/Octyldodecyllauroyl Glutamate, Sodium Hyaluronate, Hydrogenated Lecithin, Polyglutamic Acid, Ceramide NP, Oleic Acid, Tocopherol)
มีน้ำมันเมล็ดดอกคำฝอย Safflower Seed Oil ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้กับผิว เพิ่มความยืดหยุ่น ทำให้ผิวนุ่ม และเรียบเนียน กระตุ้นให้มีการผลัดผิว กำจัดผิวที่แห้งกร้าน และหยาบกระด้าง บรรเทาปัญหาผิวบาง (Carthamus Tinctorius (Safflower) Seed Oil)
มีสารต้านอนุมูลอิสระ (Squalane, Carthamus Tinctorius (Safflower) Seed Oil)
มี Adenosine ช่วยลดริ้วรอย
Retinal (0.05%) เป็นตัว Retinaldehyde ฟอร์มที่ใกล้กับ ยา Retinoic Acid (Tretinoin) มากที่สุด
Retinyl palmitate > Retinol > Retinaldehyde > Retinoic acid (Retinoid)
** ใครทายาแล้วไม่ระคายเคือง การทายาย่อมเห็นผลมากกว่า แต่หากใช้ผิดวิธี ผลข้างเคียงก็ย่อมสูงกว่าค่ะ
เมย์โดยพี่แก้วป้ายยามา และเพิ่งเริ่มลองใช้ ดังนั้น ขออ้างอิงจากข้อมูลของพี่แก้วไว้ดังนี้นะคะ
มี Clinical Trial
ว่า Vita-A Cream สามารถช่วยลดริ้วรอย ทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น แน่นขึ้นได้อย่างมีนัยสำคัญ
สิ่งที่ Retinaldehyde ไม่ช่วย
– ริ้วรอยตอนขยับหน้า (ควรแก้ด้วย Botox)
– ร่องใต้ตา,ร่องแก้ม,ร่องน้ำหมาก (ควรแก้ด้วย Filler)
– หน้าหย่อนคล้อย,แก้มห้อย (ควรแก้ด้วย Thermage,Ulthera หรือ Ultraformer)
ระยะเวลาเห็นผล
แนะนำใช้ 6 เดือนขึ้นไป และใช้ต่อเนื่องยาวๆ สำหรับ Retinal จะใช้จนถึงอายุ 200 ปีเลยก็ได้ค่ะ (ถ้าพวกเราอยู่กันถึง 55)
วิธีการใช้
– ถ้าไม่เคยใช้ Retinal เลย ให้เริ่มที่ 0.05% ก่อน 1 เดือน แล้วค่อยไป 0.1%
– แต่ถ้าริ้วรอยน้อย ยังอายุไม่มาก ก็ใช้ 0.05% ยาวๆได้ค่ะ
– แต่ถ้าใครอายุเยอะ รู้สึกมีปัญหาผิว ใช้ Retinal มาบ้างแล้ว ก็เริ่มใช้ที่ 0.1% แล้วใช้ยาวๆ ได้เลยค่ะ
– ใช้แค่ตอนกลางคืน
– บีบเท่าเมล็ดถั่วเหลือง
– ใช้นิ้วแตะเนื้อครีม แต้มเป็นจุดๆ ทั่วหน้า
– ค่อยๆนวดครีมบริเวณต่างๆ ให้ทั่วใบหน้า
ลำดับการใช้
– ใช้เป็นขั้นตอน Treatment Cream
– ถ้าผิวระคายเคืองง่าย ให้ใช้หลัง Moisturizer
– ถ้าผิวไม่ระคายเคือง ให้ใช้ก่อน Moisturizer
– ถ้าใครผิวมันมาก ผิวแกร่ง ผิวทน จะใช้เป็น ขั้นตอน Moisturizer ตัวสุดท้ายเลยก็ได้ค่ะ
การใช้ร่วมกับ Skincare ที่ผลัดเซลล์ผิว
– ใช้ร่วมกันได้ แต่ต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง คอยสังเกตผิว ดูความระคายเคืองค่ะ
– ใช้ Retinal แล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้พวกผลัดเซลล์ผิว
ถ้าอายุ 30 ปีขึ้นไป มีปัญหาผลัดผิว
– ทา Retinal ก่อน ประมาณ 2-3 สัปดาห์
– แล้วเริ่มผลัดเซลล์ผิว (HA: Hydroxy Acid) วันเว้นวัน และเริ่ม % น้อยๆ ก่อนค่ะ ใช้ประมาณ 3 ครั้ง ต่อสัปดาห์ หรือวันเว้นวัน ก็เพียงพอค่ะ ถ้าไม่ได้มีปัญหาผิวเยอะมากและ HA สามารถทาได้ทั้งเช้า หรือ เย็น เพราะไม่ว่าจะทาช่วงไหน ก็ไวต่อแสงเหมือนกัน ดังนั้น อาจจะทา HA เช้า,Retinal เย็น ได้ค่ะ ถ้าในวันเดียวกันโดยส่วนตัว แก้วแนะนำว่า อาจจะลองเริ่มใช้ร่วมกับ PHA ก่อนได้ค่ะ น่าจะระคายเคืองน้อยที่สุดค่ะ
การใช้ร่วมกับ Vit C
– ถ้าระคายเคืองง่าย ใช้ Vit C เช้า แล้ว Retinal เย็นก่อน ถ้าซัก 1-2 สัปดาห์ ไม่ระคายเคือง ก็ค่อยมาใช้ Vit C ทั้งเช้า,เย็นค่ะ
– ถ้าไม่ระคายเคืองง่าย และใช้ Vit C อยู่แล้ว เช้า เย็น ก็ใช้ Retinal ช่วงเย็น เพิ่มมาได้เลยค่ะ
สิ่งที่ไม่ควรใช้ร่วมกับ Dr.Different Vita-A Cream เพราะซ้ำซ้อน และระคายเคืองได้ง่าย
– Retinoic Acid เช่น Tretinoin, Adapalene (Differin, Epiduo)
– Retinal, Retinol
สรุป
Dr.Different Vita-A Retinal 0.05% เป็นครีมที่ช่วยลดริ้วรอยและช่วยให้ผิวเรียบเนียน ที่มีความใกล้เคียงกับตัวยามากที่สุด และอ่อนโยนที่สุด ใครยังไม่เคยลอง แนะนำให้เริ่มที่ความเข้มข้นเท่านี้ก่อน ในสูตรเค้าอัดตัวความชุ่มชื้นและเสริมเกราะป้องกันผิวเข้ามาเยอะ แต่เนื่องจากมีส่วนผสมของ Retinal ก็ควรระมัดระวังเรื่องการระคายเคืองอยู่ดี เนื่องจากผิวของแต่ละคนไวต่อการระคายเคืองไม่เหมือนกัน
อย่างที่พี่แก้วบอกว่าตัวนี้ถ้าจะให้เห็นผล ควรใช้ต่อเนื่องอย่างน้อย 6 เดือน ดังนั้น เมย์ขอใช้ไปเรื่อย ๆ ก่อนน้า ถ้ามีความคืบหน้ายังไง เดี๋ยวมาอัพเดตให้อีกทีค่า
Disclaimer : Non-Sponsored